วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

เงินออมวันนี้เพื่อชีวิตที่สุขสบายในวันข้างหน้า

ในระยะนี้จะได้ยินแต่เสียงบ่นถึงข้าวของราคาแพงขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะ หมู ไข่ และอาหาร ซึ่งเป็นความเดือดร้อนของประชาชนที่รอรัฐบาลเข้ามาแก้ไขปัญหาค่าครองชีพตาม ที่ได้ให้สัญญาไว้ เป็นความยากลำบากต่อผู้ที่มีรายได้น้อยและมีรายได้ประจำนะคะ
   
แต่ไม่ว่าจะยากลำบากเพียงใดก็ไม่อยากจะให้ลืมการออมเงินด้วย เงินที่หามาได้ควรกันเงินออมเอาไว้ก่อนเหลือแล้วจึงใช้จ่าย  เพราะถ้าจะให้เหลือจากการใช้จ่ายแล้วจึงออมรับประกันได้ว่ายากจะประสบความสำเร็จได้ การออมเงินนี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อเป็นหลักประกัน ในวันที่เราเจ็บป่วยหรือไม่ได้ทำงาน จะ มากหรือน้อยอยากจะขอให้ออมด้วยนะคะ ตามแต่กำลังของตนเองซึ่งควรยึดเดินทางสายกลางกับการสร้างความสมดุลของการ บริโภคในวันนี้กับการบริโภคในอนาคตที่ไม่ตึงเกินไปไม่หย่อนจนเกินไป ในวันนี้ได้อ่านบทความที่ดีมาก จึงขอคัดลอกส่วนหนึ่งของบทความมาจากหนังสือออมก่อนรวยกว่า ของตลาดหลักทรัพย์ โดยคุณนวพร เรืองสกุล ซึ่งให้ข้อคิดการออมที่ดีมากที่มากสำหรับคนไทยในยุคปัจจุบัน  
  
    
เมื่อตั้งใจจะออมเงินกันแล้ว ก็ควรมีเป้าหมายเสียหน่อยว่าเราควรจะออมเงินสักเท่าใดดี ถึงจะมีพอเพียงที่จะอยู่ได้อย่างสบาย ๆ ในวัยชรา จะออมมากเกินไป ก็คงไม่น่าสบายเท่าใดนัก  ไม่อยากจะเป็นจอมขี้เหนียวมีเท่าใดก็เก็บให้หมด หรือว่าเป็นคนที่เบียดเบียนชีวิตปัจจุบันของตนเอง เพื่อความสบายในอนาคตเสียจนกระทั่งปัจจุบันไร้ความหมายไร้ความสุขหมดความ สบาย
   
การทำอะไรที่ตึงเกินไป ก็มีโอกาสว่าจะท้อถอยแล้วเลิกทำเสียกลางคันแล้วหันมาถือคติที่ว่า ใช้ให้หมด ๆ ไป เพราะไม่รู้ว่าพรุ่งนี้จะมาถึงหรือไม่  ในขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการจะหย่อนเกินไป เก็บออมไว้น้อยเสียจนกระทั่ง เมื่อถึงวันที่รู้ตัวว่าต้องใช้เงินออม ก็มีเงินไม่พอใช้ เมื่อเทียบกับเพื่อน ๆ ที่เขารู้จักเก็บออม แล้วก็นึกเสียใจและเสียดายว่า รู้เสียอย่างนี้เก็บเงินให้มากกว่านี้อีกหน่อยก็ดี
   
มีเงินต้นเท่าไรจึงจะพอ  มีคนให้สูตรมาว่าจะดูว่าเงินออมน่าจะพอเพียงหรือไม่ ให้ดูว่าตอนนี้มีเงินต้นอยู่สักเท่าใด เงินออมที่ควรจะมีอยู่ในมือแล้ว คือ ร้อยละ 10 ของเงินรายได้ทั้งปีคูณด้วยอายุในขณะนั้นของผู้ออม
   
1/10 X อายุ X รายได้ทั้งปี

   
ผู้อ่านหลายคนอาจจะตกใจว่าเรามีเงินออมน้อยนิดเดียว บางคนก็อาจจะดีใจว่ามีเงินออมมากมายเกินพอไปแล้ว เราต้องอย่าลืมคำนึงถึงด้วยว่า แต่ละคนมีวิธีถือทรัพย์สินที่ต่างกันด้วย  บางคนอาจจะเก็บเงินส่วนใหญ่ไว้ในสินทรัพย์ทางการเงิน เช่น เงินฝากธนาคาร เงินฝากสหกรณ์ออมทรัพย์ หุ้น หรือตั๋วสัญญาใช้เงินต่าง ๆ แต่บางคนอาจมีที่ดินหลายแปลง หรือมีเครื่องประดับมีค่ามากมาย ก็ต้องนำทั้งหมดนี้มาคำนึงถึงด้วย 
   
ที่จะต้องไม่ลืมคิดเผื่อไว้ก็คือ เงินต่าง ๆ นี้สามารถสร้างรายได้ในอนาคตได้หรือไม่ และสามารถสร้างได้มากน้อยเพียงใด เพราะว่าในอนาคต แต่ละคนอาจจะมีทรัพย์สินมากน้อยเพียงใด นอกจากเงินต้นแล้วก็ต้องคำนึงถึงรายได้ที่จะเพิ่มพูนขึ้นมาด้วย เช่น
    มีเงินออมเท่าไรจึงจะพอเพียง
   
ทราบหรือไม่ว่าขณะนี้คุณควรมีเงินออมเท่าไร เพื่อให้ชีวิตหลังเกษียณของตนเอง มีเงินใช้อย่างสบาย ๆ ในเรื่องนี้มีสูตรที่เป็นสากลและสามารถคำนวณได้ง่าย ๆ คือ
   
1/10 X  อายุ x เงินได้ทั้งปี
   
ตัวอย่างเช่น ถ้าขณะนี้คุณอายุ 25 ปี และได้รับเงินเดือนเดือนละ 10,000 บาท ดังนั้นในเวลานี้คุณควรจะมีเงินออมประมาณ 300,000 บาท (1/10  x 25 x 10,000 x 12)
   
หากใครยังมีเงินออมน้อยกว่าที่คำนวณได้ควรต้องรีบออมเสียตั้งแต่วันนี้ เพื่อชีวิตที่สุขสบายในวันข้างหน้าครับ.


บทความโดย : อาภรณ์ ชีวะเกรียงไกร
ที่มา : คอลัมภ์เข็มทิศเงินทุน หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ 
      วันที่ 6 สิงหาคม 2554



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น